ธุรกิจไอศกรีม



การเปิดธุรกิจไอศกรีม
       ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนทั้งปีของบ้านเรา ส่งผลให้การทำกิจการไอศกรีมได้รับการตอบรับที่ดี เราจะเห็นว่าตั้งแต่วัยเด็ก ไอศกรีมยังไม่มีความหลากหลายมากมาย และอร่อยได้มากเท่านี้ แต่ปัจจุบันกิจการไอศครีมมีความก้าวหน้าอย่างมาก และมีความแปลกใหม่มาให้เราลิ้มลองอยู่เสมอ ด้วยปัจจัยที่เอื้ออำนวยนี้นี่เอง ทำให้ธุรกิจนี้มีการเติบโต จากการขยายช่องทางมาจากโรงงานไอศกรีมของบริษัทต่างชาติยักษ์ใหญ่ การขายแฟรนไชส์ของไอศกรีมชั้นนำที่มาจากต่างประเทศ ร่วมทั้งไอศกรีมแบบโฮมเมด ที่มีงานถ่ายทอดวัฒนธรรมกันไปมา และไอศกรีมที่สร้างสรรค์ขึ้นเองของคนไทยเอง ประกอบกับนวัตกรรมเครื่องผลิตไอศกรีม ที่ทำให้การทำไอศกรีมทำได้ง่ายและอร่อย สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดผลดี แก่ผู้ที่รักในธุรกิจไอศกรีม ได้มีทางเลือกหลายช่องทาง
       และแน่นอนผู้ที่ทำธุรกิจนี้ก็ต้องอยู่ในท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดด้วย ดั้งนั้นคำแนะนำจากผู้รู้ที่มีประสบการณ์อย่างยาวนานในเรื่องนี้ จะช่วยให้คำแนะนำที่ดีแก่คุณได้
        จากการที่ทีมงานแฟรนไชส์ โฟกัส ได้สำรวจและพูดคุยกับผู้ที่คว่ำหวอดในวงการนี้มาอย่างยาวนาน บางคนเรียกได้ว่า ทำมานานเกือบทั้งชีวิตทีเดียว และบางรายก็เป็นแบรนด์ที่ครองตลาดสูงสุด จนไปถึงรายย่อย ที่จับต้องได้ง่าย เราจึงได้ข้อมูล ที่สรุปถึงเรื่องของไอศครีมได้ดังนี้

ตลาดของไอศกรีมยังโต 3-4% 
        บางคนก็ตีมูลค่าตลาดไอศกรีมต่อปี เป็นหมื่นล้าน บางคนก็ประเมินว่า น่าจะมีมูลค่าปีละไม่ต่ำกว่า สามพันล้าน อย่างไรก็ตามตัวเลขที่ค่อนข้างจะตรงกันก็คือ การเติบโตในธุรกิจไอศกรีมนั้นยังคงมีอยู่ ในราวๆซัก 3-4% ทั้งนี้ก็เติบโตไปตามการเพิ่มขึ้นของประชากรเป็นหลัก สำหรับไอศกรีมก็จะมีหลายระดับคือ

-ไอศกรีม พรีเมี่ยม อย่าง เช่น ฮาเก้นดาส สเว่นเซนส์ บัดส์ไอศกรีม ครีม แอนด์ฟัด บาสกิ้นรอบบิ้นส์ เป็นต้น ข้อมูลของธนาคารไทยพาณิชย์ได้วิเคราะห์เอาไว้ ในปี 2550 ว่า ตลาดระดับไอศกรีมพรีเมี่ยมนี้ มีมูลค่าประมาณ 3 พันล้านบาท และมีอัตราการเติบโตประมาณ 10% ที่ดูแล้วเหมือนมีโอกาที่ดีค่อนข้างมาก แต่ตลาดนี้ก็ยังเป็นตลาดที่อ่อนไหวต่อสภาพเศรษฐกิจที่ผันผวนจะยังต้องพึ่งพาในกลุ่มของนักท่องเที่ยวด้วย

-ไอศครีมระดับกลาง เช่น ไอศกรีม เจลาโต้ หรือไอศกรีมตักที่อยู่ตามห้างสรรพสินค้าเป็นต้น เป็นตลาดกลุ่มที่ใหญ่ที่สุด มีมูลค่าประมาณ 7 พันล้านบาท แต่มีอัตราขยายตัวที่ 3-5% ถึงแม้ว่าการเติบโตไม่สูงมากแต่ก็เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด ที่น่าสน

-ไอศกรีม ระดับล่าง ที่เจาะลูกค้าทั่วไป อย่างไอศกรีมรถเข็น และไอศครีมกะทิ หรือไอศกรีมที่เป็นอุตสาหกรรมครัวเรือน เป็นต้น กลุ่มนี้ถ้านับจำนวนผู้ผลิตมีมากที่สุดที่คิดเป็น 78% ของผู้ผลิตไอศกรีมทั้งหมด สำหรับมูลค่าตลาดประเมินกันว่าอยู่ประมาณ 1 พันล้านล้านบาทต่อปี ตลาดนี้มีการเติบไม่สูงนัก แต่ตลาดนี้กำลังถูกรุกคืบจากผู้ผลิตรายใหญ่ ที่มีแบรนด์ที่แข็งแกร่งกว่า

อย่างไรก็ตามอุปสรรค์ที่สำคัญยิ่งเหมือนทุกธุรกิจ ก็คือเรื่องของภาวะเศรษฐกิจ และปัญหาการเมืองเป็นผลกระทบของธุรกิจนี้

ตลาดยังลงทุนได้หรือไม่ 
        คุณนิมณิชา กรรณเลขา กรรมผู้จัดการ เอ็นทูไอซ์ ผู้เชี่ยวชาญในด้านการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการทำไอศกรีมและเจลาโต้ รวมถึงเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องทำไอศกรีมและอุปกรณ์ในการเปิดร้านไอศกรีม ให้คำแนะนำเกี่ยวกับโอกาสในการทำร้านไอศกรีมว่า "สำหรับผู้ที่กำลังว่าจะเปิดธุรกิจไอศกรีม ถ้าลงทุนต่ำสุดอาจใช้เครื่องปั่นขนาดเล็ก บวกกับตู้แช่ สามารถทำเป็นแนวแพ็คส่งร้านเป็นถ้วย 4 ออนซ์ เนื่องจากการเริ่มต้นลูกค้าจะไม่มั่นใจในการเปิดร้าน ทำที่บ้านแล้วไปส่งร้านอาหาร ต้นทุนจะอยู่ไม่เกิน 3-4 หมื่น จะคืนทุนค่อนข้างเร็ว มีลูกค้าที่เคยสอน เปิดร้านไอติม ก็จะขายไอศครีมแปลก ฝรั่งบ๊วย รสแปลกๆ หรือบางรายมาซื้อเครื่องไป แล้วส่งพนักงานมาอบรม ซึ่งบริษัทก็จะมีบริการเพิ่มในเรื่อเรื่องของการทำเมนู และรับจ้างเป็นที่ปรึกษาในการเปิดร้านด้วย

        ส่วนการมองเรื่องธุรกิจไอศครีม ตอนนี้ธุรกิจนี้น่าสนใจมาก เพราะธุรกิจกาแฟเริ่มเต็ม แต่ไอศครีมคนเพิ่งเริ่มมารู้จัก แล้วก็ค่อยขยับขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งปีที่แล้วฮอตมาก เนื่องจากว่าเริ่มรู้ว่าต้นทุนถูก และตลาดที่คนส่วนใหญ่จะรู้จักแค่วอลล์ พอคนเริ่มรู้ว่า ไอศครีมโฮมเมดทำง่าย แล้วก็ได้ใส่ไอเดีย ผลไม้ไทยมีอีกหลายชนิด มันก็ทำให้กลายเป็นตลาดอีกช่องทางหนึ่งที่ทำให้ไอศกรีมโฮมเมดคิดไอเดียสร้างสรรค์ขึ้นมา ครีเอทเป็นแบรนด์รสขาติของตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ ถือว่าเป็นตลาดที่น่าสนใจมาก
คนที่คิดจะทำร้านไอศกรีม คุณนิมณิชา ให้ข้อแนะนำว่า คืออันดับแรก ให้มองตลาดที่เราจะขายว่าเป็นกลุ่มไหน ไม่ใช่มองว่าเราชอบอะไรแต่ให้มองว่าตลาดต้องการอะไร แต่ละโลเคขั่นที่เราไปขายก็แตกต่างกัน ไปขายโรงเรียนก็ทำแบบนี้ ถ้าขายร้านสปา ก็ต้องทำอีกแนวหนึ่ง ขายในสำนักงานออฟฟิศ อาจจะเป็นแนวโยเกิรต์ โลว์เฟต คือต้องมองลูกค้าที่จะไปขายเขาขอบอะไร ไม่ใช่ว่าเราชอบอะไร
      ข้อสอง คุณภาพและความสะอาดไอศกรีมเราก็มี มากที่สุด เพราะเป็นปัจจัยสำคัญ แล้วเรื่องอื่นๆก็จะตามมา คือต้องมีความมุ่งมั่นและใจรัก ก็จะประสบความสำเร็จ
      ควรจะเป็นควบคู่ไปกับธุรกิจอื่นๆ เช่น กาแฟ หรือ เบเกอรี่ คือแทนที่จะต้องจ่ายค่าร้านกาแฟ เบเกอรี่ ก็มีไอศกรีมเปิดไปด้วย ด้านการแข่งขัน ปีนี้การแข่งขันสูง แต่ก็ต้องเน้นจุดเด่นของเราว่าเราขายอะไร ถ้าไอศกรีมอย่างเดียวก็ต้องเน้นเรื่องการจัดร้าน ไม่ใช่ให้แค่มาทานไอศกรีม หรือครีเอทให้มีแนวแปลกขึ้น เช่นอย่างที่ร้านมีเมนูสปาเก็ตตี้ จะเป็นไอศครีมเส้นๆ หน้าตาแปลก

แนวโน้ม ข้างหน้า 
      ไอศกรีมเป็นของหวานที่ทุกชาติชื่นชอบ แต่ก็มีอุปสรรคในเรื่องของไขมันสูง แม้ว่าวันนี้พฤติกรรมของคนไทย ยังไม่แคร์ในเรื่องของไขมันจากไอศกรีมกันมากมากนัก ส่วนใหญ่ยังรักความอร่อยกันมากกว่า แต่แนวโน้มในวันข้างหน้า หากประชากรในระดับที่มีความรู้มีมากขึ้นจะให้ความสำคัญเรื่องนี้มากขึ้น ไอศครีมเพื่อสุขภาพที่ยังไม่นิยมมากนักในเวลานี้ อาจจะมีตัวเลขที่ดีขึ้น หรือไอศครีมที่มีจุดโดดเด่นเรื่องคุณค่าสมุนไพร หรือสารอาหารที่ดีเลิศที่ดีต่อสุขภาพ อาจจะได้รับการยอมรับมากขึ้นในวันข้างหน้าก็ได้ แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า คือนวัตกรรมในการสร้างสรรค์ไอศครีมยังเป็นสิ่งที่สำคัญที่ทำให้ไอศครีมหน้าใหม่มาแรงได้
เคดิต: www.positioningmag.com 
 
Copyright 2010 เครื่องปั่นไอศกรีม. Powered by Blogger
Blogger Templates created by DeluxeTemplates.net
Wordpress by Wpthemescreator
Blogger Showcase